“นับคาร์บ” คืออะไร ทำไม ‘สมศักดิ์’ ใช้แก้ปัญหาสาธารณสุข แบบครอบจักรวาล?

การนับปริมาณ “คาร์โบไฮเดรต” อาจช่วยลดจำนวนผู้ป่วย โดยเฉพาะโรค NCDs แต่ไม่ใช่ยาวิเศษ ที่จะแก้ปัญหาแพทย์ขาดแคลน นี่คือมุมมองจากแพทย์และนักวิจัยระบบสาธารณสุข ที่มีต่อมาตรการล่าสุดของ สธ. โดย ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’

  • สมศักดิ์ ชู “นับคาร์บ” ลดโรค NCDs แก้ปัญหาหมอลาออก อ้างมีคนเข้าใจแล้ว 26 ล้านคน
  • แพทย์ ชี้ “เหมือนคนไข้จะหยุดหายใจ แต่เราไปพูดถึงการออกกำลังกาย” ไม่ตรงจุดวิกฤต
  • อสม. เผย ภาคสนามสับสน บางพื้นที่กรอกข้อมูลเพื่อโชว์ตัวเลข ไร้การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจริง
  • “ขนาดหมอยังนับไม่เป็น” วิธีดี แต่ไม่สอดคล้องวิถีชีวิตคนไทย โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย​​​​​​​​​​​​​​​​

ท่ามกลางปัญหาแพทย์ลาออกและบุคลากรสาธารณสุขขาดแคลน สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยในการประชุมผู้บริหาร สธ. เมื่อ 18 เม.ย. 2568 ว่า หนึ่งในแนวทางระยะกลางที่กระทรวงกำลังขับเคลื่อน คือ การลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ด้วยนโยบาย “นับคาร์บ” ผ่าน อสม. ที่จะให้คำแนะนำประชาชนในการลดคาร์โบไฮเดรตในชีวิตประจำวัน

สมศักดิ์ ระบุว่า หากคนไทยสุขภาพดีขึ้น ก็จะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยและลดภาระงานบุคลากรแพทย์ได้ ข้อมูลจาก สธ. ยังระบุอีกว่า ปัจจุบันมีประชาชนกว่า 26 ล้านคน เริ่มเข้าใจการ “นับคาร์บ” แล้ว 

แต่นั่นก็ทำให้เกิดกระแสตีกลับตามมาว่า “ทุกปัญหาแก้ด้วยการนับคาร์บ”

ภาพ เพจ Dr. Dark

คำถามคือ “นับคาร์บ” คืออะไร? แล้วช่วยระบบสาธารณสุขได้จริงหรือไม่?

“นับคาร์บ” คืออะไร?

การนับคาร์บ (Carb Counting) คือ วิธีควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่บริโภคในแต่ละวัน โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

ตัวอย่างคาร์บในอาหาร:

  • ข้าว 1 ทัพพี = 15 กรัมคาร์บ
  • กล้วยหอม 1 ลูกกลาง = 30 กรัม
  • ขนมปัง 1 แผ่น = 15 กรัม
  • น้ำผลไม้ 1 แก้วเล็ก = 15-20 กรัม

การนับคาร์บช่วยให้ควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีขึ้น ปรับอินซูลินได้แม่นยำ และวางแผนมื้ออาหารอย่างเหมาะสม

นโยบาย “นับคาร์บ” ของ กระทรวงสาธารณสุข ใช้กลไก อสม. ทั่วประเทศขับเคลื่อน ให้แนะนำประชาชนเรื่องการนับคาร์บ พร้อมเปิดเว็บไซต์ นับคาร์บ.com สำหรับคำนวณปริมาณคาร์บที่เหมาะสมแต่ละคน ตั้งเป้าให้ประชาชน 50 ล้านคน นับคาร์บเป็นภายในสิ้นปี 2568 

แต่ปัญหาที่พบในภาคสนาม โดย อสม. ในพื้นที่รายหนึ่งให้ข้อมูลกับ The Active ว่า โครงการนี้อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องเคาะประตูบ้านประชาชน ให้ความรู้ และกรอกข้อมูลผ่านแอปฯ “Smart อสม.“ หลายคนไม่ถนัดใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะ อสม. สูงวัย และมีแรงกดดันจากเป้าหมาย โชว์ผู้บริหาร ทำให้บางพื้นที่อาจกรอกข้อมูลให้ดูดี โดยไม่สะท้อนสถานการณ์จริง

“นับคาร์บ” ช่วยลดหมอลาออกได้จริงหรือ?

พญ.ณัฐกานต์ ชื่นชม หรือ หมอเบียร์ ตั้งข้อสังเกตต่อนโยบาย “นับคาร์บ” ของกระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุว่าสามารถทำให้ประชาชนกว่า 26 ล้านคนเริ่มนับคาร์บได้แล้ว แต่เมื่อดูในเชิงปฏิบัติกลับพบว่าเป็นเพียงการ กรอกข้อมูลผ่านแอปฯ โดยไม่ได้สะท้อนถึงความเข้าใจหรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่แท้จริง

“คนก็ยังกินเหมือนเดิม ปลาร้า ปลาเค็ม ก็ยังอยู่ในจานเหมือนเดิม ขนาดหมอเองยังนับไม่เป็นเลย บอกตรง ๆ”

พญ.ณัฐกานต์ กล่าวกับ The Active

การนับคาร์บแบบนี้ จึงไม่เพียงพอที่จะลดจำนวนผู้ป่วยลง 30% ตามเป้าหมายของกระทรวงฯ

“มันดีนะ แต่ต้อง แมตช์ กับวิถีชีวิตคนไทยด้วย คนที่มีรายได้น้อย เขากินข้าวเป็นหลัก จะให้เขาเลือกโปรตีนดี ๆ จากสัตว์หรือพืช มันก็ยาก ถ้าไม่เข้าใจพื้นฐานของเขา นโยบายสุขภาพก็จะไปไม่ถึงไหน” 

นับคาร์บ “ไม่ใช่ยาวิเศษ แต่เป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดผู้ป่วยได้จริง

นพ.วิรุฬ ลิ้มสวาท จากสำนักวิชาการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข บอกกับ The Active ว่ารัฐมนตรีสมศักดิ์ อาจมองนโยบายนี้ในฐานะเครื่องมือใหม่ที่สามารถลดผู้ป่วยลงได้ ซึ่งถ้ามองจากบริบทการสื่อสาร ก็อาจเป็นการหยิบยกนวัตกรรมใหม่มาใช้ในภารกิจใหญ่ของกระทรวง

แต่ นพ.วิรุฬ ก็เห็นว่า การหยิบเรื่องนับคาร์บมาเชื่อมโยงกับปัญหาแพทย์ขาดแคลนอาจไม่ตรงประเด็นนัก

“การลดจำนวนผู้ป่วยมันเป็นเรื่องระยะยาว เปรียบเหมือนคนไข้กำลังจะหยุดหายใจ แล้วเราไปพูดถึงการออกกำลังกายเพื่อป้องกันโรคหัวใจในอนาคต มันจึงดูไม่เหมาะกับสถานการณ์ตรงหน้า แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีและควรทำก็ตาม แต่มันผิดบริบทไปหน่อย”

สาธารณสุข
นพ.วิรุฬ ลิ้มสวาท

เขาเน้นว่า การนำเสนอนโยบายใด ๆ ควรชัดเจนว่ากำลังแก้ปัญหาในมิติไหน ไม่ใช่โยงให้ครอบคลุมทุกปัญหาอย่างคลุมเครือ

เมื่อถามว่านโยบายนับคาร์บเป็นนโยบายที่ดีหรือไม่ นพ.วิรุฬ ตอบว่า ต้องพิจารณาทั้งเนื้อหาและการนำไปปฏิบัติ

“ในเชิงเนื้อหา นับคาร์บถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจการควบคุมอาหารและแคลอรี่ได้ง่ายขึ้น เพราะมันจับต้องได้ เป็นรูปธรรม เช่น ถ้าหมอบอกว่าคนไข้รายนี้ต้องลดลงกี่คาร์บ มันก็จะสื่อสารได้ตรงและเข้าใจง่ายกับทั้งคนไข้และญาติ”

เขาเสริมว่า นับคาร์บเป็นเหมือน Social Technology ที่ยังใหม่ในสังคมไทย การยอมรับและเข้าใจจึงต้องใช้เวลา เช่นเดียวกับตอนที่ดัชนีมวลกาย (BMI) เริ่มเผยแพร่ใหม่ ๆ ซึ่งคนก็ยังไม่เข้าใจในช่วงแรก

“ตอนนี้หลายคน รวมถึงแพทย์บางคน ยังนับคาร์บไม่เป็น แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาถาวร มันแค่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจและใช้งานให้เป็นธรรมชาติ”

นพ.วิรุฬ สรุปว่า แม้การนับคาร์บจะไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกปัญหาด้านสาธารณสุข แต่ก็ถือเป็นนวัตกรรมที่ช่วยสร้างเสริมสุขภาพในเชิงป้องกันได้จริง มีหลักฐานรองรับ และสามารถสร้างความร่วมมือที่ดีขึ้นระหว่างบุคลากรทางการแพทย์กับผู้ป่วย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active