“ไม่ล้นเกิน – ไม่เหลือทิ้ง” จัดระบบของบริจาคและกระจายให้ทั่วถึง

“War Room ภาคประชาชน” อาสาสมัคร “จัดให้” เดินหน้าสำรวจข้อมูลความต้องการและจุดกระจายการรับ-ส่งอาหารและของบริจาคน้ำท่วมภาคใต้ เพื่อไม่ให้เกินความต้องการ รวมไว้ที่ “Heart-Yai” แพลตฟอร์มเชื่อมจุดรับบริจาคในกรุงเทพฯ กับศูนย์ดูแลชาวหาดใหญ่

การจัดการอาหารและการจัดการของบริจาคสำหรับผู้ประสบภัย จากมหาอุทกภัยภาคใต้ เป็นอีกโจทย์ที่ท้าทายในช่วงของการฟื้นฟูเมือง เนื่องจากจำนวนอาหารและปริมาณของบริจาคที่มีเข้ามาจำนวนมาก 

“การกระจายอย่างทั่วถึง เพียงพอ ไม่ตกหล่น” รวมไปถึงการบริหารจัดการอาหารและของบริจาคแบบมีประสิทธิภาพ ไม่ให้มีของล้นเกินความต้องการ หรือของเหลือจนกลายเป็นปัญหาขยะ ขณะที่อาหารและของบริจาคต้องถึงมือผู้ประสบภัยตามความต้องการที่เกิดขึ้น

โจทย์ดังกล่าวถูกส่งต่อไปยังอาสาสมัครภาคประชาชนของ “War Room ภาคประชาชน”  ภายหลัง Thai PBS ร่วมกับ มูลนิธิกระจกเงา และเครือข่ายฯ ร่วมระดมสมองทุกภาคส่วนเพื่อกอบกู้วิกฤตน้ำท่วมภาคใต้ จัดตั้งขึ้นเพื่อพร้อมเดินหน้าภารกิจเร่งด่วน

หลังใช้เวลาในการสำรวจข้อมูลความต้องการ เพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูลเบื้องต้น เมื่อวันที่  1 ธ.ค. 68  “กลุ่มจัดให้” ซึ่งรับมอบหมายภารกิจ จัดการอาหาร และการจัดการของบริจาค เริ่มเห็นความคืบหน้ามากขึ้น ที่จะใช้เป็นฐานข้อมูลในการ “จัดให้” ทั้งอาหารและของบริจาค

“ทำอย่างไรที่จะให้การจัดการอาหาร ของบริจาคไปถึงคนที่ต้องการ ทุกวัน ครบและพอเพียง ไม่เหลือเป็นขยะ ไม่มีใครอด ทุกคนได้รับอาหารและของบริจาค ตามที่ต้องการได้”

นั่นคือเจตนารมณ์ที่ตรงกันของอาสาสมัครภาคประชาชน ทั้ง ฎายิน  เพชรรัตน์, พราวอาภา กิติไกรรัตน์, ลองฤทธิ์  สุขวัฒน์ และเกรียงไกร พิพัฒน์วิไลกุล, ก่อนที่จะมาเป็นอาสาสมัคร “War Room ภาคประชาชน”

นับจากวันที่ 27 พ.ย. 68 ที่เริ่มมีการตั้ง  “War Room ภาคประชาชน” พวกเขาทำงานทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ เพื่อสำรวจข้อมูลความต้องการ, สำรวจของบริจาค, อาหารและโรงครัว เพื่อสรุปความต้องการทั้งสองฝ่าย คือ ผู้รับบริจาค และผู้บริจาคเพื่อให้ข้อมูลตรงกัน

สำรวจความต้องการอาหารและโรงครัว

เบื้องต้นสำรวจข้อมูลในพื้นที่ โดยรวบรวมข้อมูลจากการเดินสำรวจของคนในพื้นที่สำรวจ และโทรประสานในแต่ละจุด ว่ามีโรงครัวและมีมูลนิธิที่จัดส่งอาหารจุดไหนบ้าง รวมไปถึงสำรวจความต้องการของบริจาค และความต้องการของผู้ประสบภัย

“หลังการสำรวจความต้องการในพื้นที่แล้วพบว่ามีหลายจุดต้องการตั้งโรงครัวเอง โดยรวมตัวกันในพื้นที่ หมู่บ้าน แล้วเปิดครัวเอง เพราะฉะนั้นในจุดนี้เขาต้องการเพียงวัตถุดิบ ซึ่งจะช่วยลดภาระการจัดส่งอาหาร”

ดังนั้น โจทย์ของกลุ่มอาสาจัดให้จึงเพิ่มขึ้น จากเดิมที่สำรวจว่า มีจุดไหนที่มีโรงครัวของมูลนิธิฯ หรือภาคเอกชน เพื่อประสานและกระจายอาหารให้ตรงกับความต้องการของผู้ประสบภัย เพิ่มผู้ประสบภัยในพื้นที่ไหนบ้าง ที่ต้องการเปิดโรงครัว เพื่อจะได้ประสานจัดหาวัตถุดิบให้

“เปิดครัวเองแค่ส่งวัตถุดิบ และอุปกรณ์ เขาแค่รวมกลุ่มกัน แต่ยังอยู่ระหว่างการสำรวจว่ามีพื้นที่ไหนบ้าง”

นอกจากนี้ จากการสำรวจพบว่า ในพื้นที่ไหนบ้างมีโรงครัว ที่มูลนิธิฯ และภาคเอกชนเปิด และเปิดจุดไหนบ้าง มีปริมาณเท่าไรต่อวัน  และสำรวจว่าชาวบ้านอยู่ตรงไหนที่ยังไม่ได้รับอาหาร และจุดที่ให้เขาไปรับอาหารตรงไหน  หรือเราจะช่วยจัดส่งอย่างไรบ้างในแต่ละวันเพื่อจัดส่งได้ตรงจุด

“เราไม่อยากให้มีอาหารเหลือ หรือผลิตเกินความต้องการ เช่น มีความต้องการอาหารวันนี้แค่ 3,000 กล่อง แต่เราผลิต 5,000 กล่อง จะเหลือ 2,000 กล่อง ก็เกินความต้องการ แต่ถ้าเรามีข้อมูลที่ชัดเจน เราก็ผลิตตามความต้องการ ส่วนที่เหลืออีก 2,000 กล่อง ก็เอาไว้ผลิตในวันพรุ่งนี้ ก็จะไม่ล้นเกินและบริหารจัดการทรัพยากรอย่างเหมาะสมไม่เหลือทิ้ง”

จัดการของ “บริจาค” ไม่ให้ล้นเกิน

เช่นเดียวกับการจัดการของบริจาค ก็ใช้หลักการเดียวกัน คือ สำรวจข้อมูลความต้องการ และของรับบริจาค ก่อนจะกระจายตามความต้องการที่เกิดขึ้นจริง

“ในเบื้องต้น กลุ่มได้สำรวจข้อมูลของบริจาคจาก ศูนย์พักพิง 23 จุด หรืออาจจะมากกว่านั้น หากมีการตั้งศูนย์พักพิงเพิ่มขึ้นในอนาคต  โดยเราจะรู้ความต้องการ รู้จำนวนประชากรเท่าไร จำนวนของบริจาค ส่วนที่สองคือการดึงของบริจาคจากจุดที่มีมากเกินไป ไปกระจายให้จุดที่ขาดแคลน เพื่อจะจัดสรรได้ตรงจุดมากที่สุด”

เว็บไซต์ “Heart-Yai” แพลตฟอร์มโดยอาสาสมัครที่ใช้ Digital Solution เชื่อมระหว่างจุดรับบริจาคในกรุงเทพฯ กับศูนย์ดูแลชาวหาดใหญ่

หลังจากการสำรวจข้อมูลเบื้องต้นได้ครบแล้ว เครือข่ายอาสากลุ่มจัดให้ จะนำข้อมูลลงไปใน “Heart-Yai” ปฏิบัติการหัวใจใหญ่ บริจาคช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมระบบเรียลไทม์ เพื่อให้มีข้อมูล เรียลไทม์  

สุดท้าย คือ ต้องการจัดสรรทรัพยากรการบริจาค ไม่ให้เกินความต้องการ และให้ทุกคนได้รับ ไม่เหลือทิ้ง เพราะเมื่อไหร่ที่เปิดศูนย์รับบริจาคมักจะเป็นปัญหาของล้นเกิน สูญเสียทรัพยากร การจัดระบบรับบริจาคและอาหาร จึงน่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ 

เว็บไซต์ JITASA.CARE รวบรวมข้อมูลความต้องการและการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ภัยพิบัติ

นอกจากนี้ แพลตฟอร์มที่อาสาสมัคร กู้ภัย และหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานใช้เพื่อให้ความช่วยเหลือในช่วงมหาอุทกภัยภาคใต้ อย่าง JITASA.CARE ก็มีการรวบรวมข้อมูลในรูปแบบพิกัดของสถานที่ปัญหา รวมถึงจุดกระจายอาหารและของบริจาคเช่นกัน โดยสามารถ เลือกดูข้อมูลหรือเข้าระบบอาสาสมัครเพื่อแจ้งข้อมูลและให้ความช่วยเหลือ เช่น ศูนย์ประสานงานเจ้าหน้าที่, ศูนย์อพยพ, จุดแบ่งปันหรือให้ยืมอุปกรณ์ล้างบ้าน, จุดแจกอาหารหรือสิ่งของ รวมไปถึงแหล่งน้ำจืด เพื่อให้ผู้บริจาค ผู้รับบริจาค และผู้ประสบภัย เข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ เพื่อจัดระบบและกระจายสิ่งของได้ทั่วถึง ตรงตามความต้องการ

สำหรับ 11 ภารกิจ ของ “War Room ภาคประชาชน” ประกอบด้วย

  1. ศูนย์พักพิงย่อย (ประสานงานข้อมูล การจัดการภายในศูนย์พักพิง)
  2. ศูนย์จัดการอาหาร และของบริจาค (Food & Supply Data Center) (นอกพื้นที่:สำรวจรวบรวมข้อมูล ประสานงาน /ในพื้นที่: ผู้จัดส่งของบริจาค)
  3. ศูนย์สื่อสาร (ตรวจสอบ Fake news สื่อสารความช่วยเหลือ สื่อสารให้ผู้ประสบภัย)
  4. ศูนย์ผู้ป่วย/โรคติดต่อ (EOD ประสานงาน เฝ้าระวัง ให้ข้อมูล)
  5. ภูมิคุ้มใจ : Hear & Heal* ต้องเข้ารับการอบรม (รับผิดชอบดูแลจิตใจผู้ที่ได้รับผลกระทบและคนหน้างานในภาวะวิกฤตทำงาน)
  6. ศูนย์ช่วยเหลือเด็ก/กลุ่มเปราะบาง
  7. เพื่อนอาสา: ศูนย์ประสานงานกลางจิตอาสา คอยประสานงาน ดูแลอาสาสมัคร ล่าม
  8. ทีมจัดการพาน้องกลับดาว (ศพสัตว์เลี้ยง)
  9. ทีมกู้รถ (ซ่อม ประสานงาน ตามหา)
  10. การจัดการขยะ (คัดแยกเพื่อจัดการ)
  11. ทีมซ่อมแซม (งานช่าง อุปกรณ์ไฟฟ้า บ้าน)

สำหรับภารกิจทั้ง 11 กลุ่ม เครือข่ายภาคประชาชนใน “War Room ภาคประชาชน” จะประสานข้อมูลการดำเนินการร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การจัดการความช่วยเหลือทั่วถึงและทันกับความต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active